ในเวลา 1:00 ของวันที่ 11/3/2562
แพรเพิ่งอัพกระทู้พันทิปเสร็จแล้วก็คิดมาซักพักว่าตั้งใจจะบอกเรื่องนี้จริงๆ แพรว่าแพรคงแจ้งทีละคนคงไม่ไหวเลยเขียนผ่านบล็อกเลยละกันจะได้ทราบกันทีเดียว แต่จะตีความกันยังไงเอาที่พอดีค่ะ
Topic ครั้งนี้จะมีเรื่อง
- การค้นหาตัวเอง
- การตัดสินใจอะไรใหญ่ๆ (ครั้งสำคัญ)
- การวางแผนเป้าหมายชีวิต , Life Goal
- การแก้ไข , การรับมือ
- และการที่จะเดินหน้าต่อจากนี้
เรียกได้เลยว่าถ้าเปิดHeadมาแบบนี้ 5 ข้อข้างบนนั่น ไม่ใช่หัวข้อที่คุณอยากอ่าน ก็ปิดโพสนี้ไป แต่ถ้าอยากอ่านต่อ ก็ได้เลย :))
ต้องบอกก่อนว่าแพรอายุ28 เข้า 29 ในกลางปีนี้ แน่นอนล่ะชีวิตแต่ละคนเจออะไรมาเยอะแน่ๆ ทั้งงาน เงิน สังคม ความรัก เรื่องที่แย่ หรือเรื่องที่บวก แพรว่าบันทึกนี้ ใครที่ติดอยู่ในข้อตรงนั้น ลองมาฟังจากคนวัยกำลังจะเลข3ละกันฮ่าๆ
รูปนี้น่าจะเป็นรูปนึงที่ได้เห็นช่วงวัยมากที่สุด ตั้งแต่ 19-now ซึ่งตอนแพรทำรูปนี้ก็คิดอะไรเยอะนะ นั่งคัดรูปเอาอันไหนดีที่คนจะเห็นภาพเรา และเราเห็นตัวเองแบบชัดเจนว่าเราต่างจากเด็กที่นั่งขอนไม้ตรงนั้นนะ และไม่ใช่ขนาดไซส์นมด้วย นั่นก็แค่โกยขึ้นเองฮาาา
- การค้นหาตัวเอง
เด็กเสิร์ฟ MK , นางแบบ พริตตี้ เชียร์เหล้า(Campary , Sky) , สตาร์ฟค่ายรถออกอีเวนท์ , ตัวประกอบ ,พิธีกรรายการทีวี ถ้านับตอนนี้ก็คง หมอดู , content writer คงจะราวๆนี้ .
แพรกล้าพูดได้เลยว่าเป็นคนไม่มีความฝัน วิ่งไล่ตามคนอื่นๆ ทำตามคนอื่น และสุดท้ายเรารู้สึกว่าเราไม่มีค่า ไม่เป็นที่รักเอาซะเลย เลยเป็นแค่คนธรรมดาในแบบเรา จริงๆก็แอบนอยด์นะ จนม.3 ที่เลือกสายเรียน นั่นก็ที่บ้านมีปัญหา แยกกันพอดี ต่อมาอีกที ม.6 ที่เลือกทางเดินอีกครั้ง แต่ในช่วงม.4-ม.6 กว่าจะมีแพรได้เรียกว่ายากพอสมควร เกือบตัดอนาคตตัวเองเลี้ยงลูกไปแล้วล่ะฮ่าๆ
สิ่งที่แพรคิดเสมอตั้งแต่แพร Ent ติด Graphic Design SSRU แพรเริ่มเปลี่ยนมุมมองใหม่ เจอเพื่อนใหม่ที่ดีมากๆ เข็นเด็กเรียนตกให้อยู่ร่วมกันกับเพื่อนได้ และสิ่งที่แพรคิดตอนนั้นคือทำทุกวันให้มันดี เอาจริงๆแพรชอบตอนนั้นมากกว่าที่สื่อโซเชี่ยลยังไม่เยอะ คนเราจะมีเวลาให้กับกิจกรรมมากกว่าการนั่งไถจอ และสิ่งนั้นก็เป็นจุดนึงที่เราอยากหารายได้เสริม เพียงเพราะอยากหาเงินทำโมเดล บางทีปริ๊นงานแล้วมันพลาดก็ต้องขอเงินพ่อเพิ่ม เพื่อมาออกแบบงานส่งอาจารย์ใหม่ เลยมองว่าถ้าเรามีรายได้เล็กๆก็ดีนะ แค่ตอนนั้น เงินครั้งแรกที่ได้จากตากล้องคือ 500 แพรก็ดีใจแล้ว (ในยุคปี52นะ) แพรเองงานไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็รับถ่ายแบบฟรี จนจุดที่เราลองลงประกวดงานเล็กๆ Photohut sexy girl 2012 ตอนนั้นเราเองเข้ารอบชิง10คนสุดท้ายก็รู้สึกดีใจแล้ว และเริ่มมีงานตั้งแต่ตอนนั้น เอาจริงๆพ่อไม่อยากให้เข้าวงการบันเทิง แต่ทำไงได้ตอนประกวดตั้งใจจะแอบแต่พ่อดันมาส่งแล้วรอดูไง เค้าเลยยอมรับและเปิดใจตั้งแต่นั้นมา ต่อมาไล่ตามอาชีพเลยค่ะ งานสตาร์ฟเช็คของ ออกอีเวนท์ แพรก็ทำมานาน2-3ปีได้ระหว่างเรียน ออกต่างจังหวัดตลอด เลยได้เปลี่ยนที่นอนแล้วเจออะไรสนุกๆตลอด จนมีโอกาสงานใหม่ๆเกิดขึ้น
สิ่งที่เราค้นพบในความหลายหลากอาชีพของตัวเอง
คือเราชอบคุย เราชอบพบเจอคนใหม่ๆ แต่เรามีโลกส่วนตัวนะ ที่แยกระหว่างงานคืองาน เพื่อนคือเพื่อน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ช่วงนั้นพริตตี้ก็มีสายมืดนะ เช่น งานent , vip ,งานกินข้าว มันจะนำไปสู่SLได้ง่าย แต่ก็ไม่เคยคิดไปทำเพราะแพรห่วงอนาคตตัวเองมากกว่า กลับมาที่โลกส่วนตัว คือไม่ใช่ว่าไม่เปิดใจนะ แต่แพรลองแล้วแพรรู้เลยว่าสังคมที่แพรอยู่นั้นมันยาก แพรไม่ได้ศัลยกรรม แพรไม่ได้เที่ยวผับ แพรไม่ได้ใช้แบรนด์ ที่พอเลิกงานสาวๆจะพูดสิ่งเหล่านี้ เคยทำงานนึงพริตตี้ในผับแค่ยืนสวยๆ ถ่ายรูปแล้วรับเงิน พอหลังเสร็จงานช่วงรับเงินฟังสาวๆพูดถึงผู้ชายคนที่นอน , จะศัลย์ตรงไหนดี , เดี๋ยวมีงานเอนที่ปอยเปตซึ่งแพรรู้สึกว่ามันไม่มีโลกของเราจริงๆนะ เลยคิดถูกส่วนนึงที่ทำงานแล้วจบ ถ้าบางคนดีหน่อยก็จ้างงานเราต่อเท่านั้นเอง กับบางคนพอเลิกงานได้คืบจะเอาศอก เลยแบบตัดปัญหาที่ตัวเองง่ายสุด
จนกระทั่งแพรเจองานพิธีกร ครั้งแรกจริงๆคืองานของ Here we go ในช่องทรู ซึ่งเป็นงานแรกที่แพรรู้สึกว่ามันใช่ตัวเองมากๆ ถ้าเทียบกับก่อนหน้านั้นเรารู้แค่ว่ามันชอบอะไรแต่ไม่ตอบโจทย์ไง เลยพยายามหางานแนวนี้ เอาจริงๆก็ได้หลายงานเลยแต่เป็นภาคสนาม มันไม่ใช่แค่ยืนสวยอีกต่อไปแต่มันคือโคตรใช้ไหวพริบเลย มันต่างจากถ่ายแบบนะ แต่อันนี้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือสำคัญ ... แต่แพรก็อยู่สายนี้ไม่นานเพราะบางงานก็ทำอยู่ดีๆโดนผู้ใหญ่เอาเด็กเส้นมาแทนเรา ไม่จ้างเราต่อไม่มีบอกอะไร บอกกับลูกค้าว่าเราไม่มาทำงาน!! วอทททท เลยรู้สึกว่าทุกๆสายนี่มีอะไรๆสำคัญเยอะนะ แพรเองรู้สึกด้อยเรื่องคอนเนคชั่นเลยค่ะ มันเลยเป็นจุดลำบาก มีเพื่อนน้อย สังคมน้อย เลยกลายเป็นเสียโอกาสในชีวิตเยอะ
ทีนี้มายุคปัจจุบัน ด้วยความที่เรียนไม่จบ(ถูกรีไทร์ตอนปี6 ตอนอายุจะ25) ตัดสินใจรับงานผิดเปลี่ยนชีวิตไปเกือบปี จับลู่ทางมาเป็นหมอดู เพียงเพราะพี่หมอที่ดูกันประจำแกทักมาซักระยะแล้ว2ปีได้มั้งเลยลอง เป็นไงล่ะปาไป4ปี ตั้งแต่ปี59-ตอนนี้ฮ่าๆ แพรไม่รู้จะเริ่มยังไง ตอนนั้นดาวน์ด้วยเพราะเลิกกับแฟน เรียนไม่จบ รับงานผิดทำให้ทรงผมเปลี่ยนไม่มีคนจ้าง ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ตกงานมา6เดือนก็ว่าได้ เลยเอาวะ ลองดูไม่เสียหาย เลยเริ่มจากซื้อหนังสือแถมไพ่มาอ่าน เรียนรู้ซักวีค (แพรเป็นคนที่ตัดสินใจกับอะไรภายในไม่นาน ว่าชอบหรือไม่ชอบ) ปรากกว่ามันก็ไม่ได้ยาก จนหาคอร์สสั้นเรียนเพื่อเช็คใจตัวเอง . ตอนนั้นเริ่มดูดวงใหม่ๆกับคนรู้จัก รู้สึกว่ารับกรรมมาเยอะมาก ดูดวงคนนึงปวดเมื่อยไป1วีค หรือน้อยกว่า จนไปเจอวิธีแล้วปรับตัวได้ ซึ่งสิ่งที่มีตอนนั้นคือ "เราจะทำยังไงให้มีคนรู้จักเราวะ?" ก็เลยขุดทักษะที่มีเช่น การถ่ายรูป การทำกราฟิกเล็กๆ ลองทำภาพประกอบใส่งานเขียนดวง พวกดวงรายเดือน รายปักษ์ (พอคุ้นแล้วใช่มั้ย^^) จวบกับฝึกทายไพ่แล้วเขียนดวงกันไป ช่วงนั้นมันสนุกนะ เวลาเห็นคนเม้น คนแชร์ แท็กเพื่อนมาอ่าน คนด่า มีหลายFeedbackดีค่ะ ทำให้แพรมีความสุขมาก และมันก็เป็นผลพลอยได้ที่ทำให้แพรมีลูกค้ามาดูดวง...
ด้วยความที่พื้นฐานเราชอบคุย เราชอบแลกเปลี่ยน เลยอินกับงานนี้พักใหญ่ๆ เขียนดวงไป ออกไปถ่ายรูปมาใช้ทำงานตัวเอง เดินทางบ้างสั้นๆ กลับมาทำงานต่อ เราเหนื่อยก็แค่หาซาซิมิแซลมอน หรือเบียร์เย็นๆพอให้สบายตัวแล้วพอ..
จนมีจุดนึงที่แพรทำอยู่เสมอคือการดูแลตัวเอง แพรชอบศึกษาเกี่ยวกับการดูแลหุ่น เพราะทำงานถ่ายแบบเนาะ แต่ก็คร้านออกกำลังกายไง เลยลงที่การกินแทนด้วยการปรับนิสัยการกิน เพื่อรักษาทรงของตัวเอง ตอนนั้นติด ชาเขียวน้ำตาลใน7/11มากกก ไม่ก้สลับด้วยการกินโค้ก น้ำอัดลม เพราะอยากให้ช่วยขับถ่าย เป็นไงละสะสม จนเริ่มมาสนใจเมื่อปี59 ในตอนนั้นครอบครัวเสียไป3คนด้วยโรคมะเร็ง บวกกับแพรเพิ่งเริ่มกินชาซองพอดี แพรเลยมองพ่อตัวเองว่า " เราจะมีเวลากับเค้าอีกนานแค่ไหน? เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่ดี ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้ไปในที่ที่อยากไป แพรอยากพาพ่อไปเที่ยวเมืองนอกซักครั้ง และให้เค้าได้ใช้เวลากับคนที่พ่อรัก " เลยเป็นจุดที่ชอบชา เต็มตัว..
มาถึงตอนนี้พอนึกอะไรออกมั้ยคะ?
แพรลอง ลอง ลอง และลอง เพื่อให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกอย่างมันมีทั้งด้านดีและไม่ดี เราก็เรียนรู้กันไปค่ะแค่เราจะมีจุดยืนของตัวเองตอนไหน สถานการณ์บางครั้งมันก็เลือกได้ที่อยากให้เป็นดั่งใจ หลายครั้งก็พลาดเพราะคิดสั้นไม่รอบคอบ หรือไม่มีโอกาสได้เลือก แพรไม่เคยโทษตัวเองในอดีตนะที่ทำไมเราไม่ตามเพื่อนที่บ้าศัลย์ ตามสาวๆหลายคนไปทำอะไรด้านมืด แพรคิดแค่ว่าเอาตังค์พาพ่อกินข้าว พาไปเที่ยว และซื้อของกินให้ตัวเองจริงๆฮ่าๆ มันเลยยังไม่มีเป้าหมายชีวิตเท่าไหร่ นี่ก็จบเรื่องราวในวัย 19-24ปี
แปะรูปงานพิธีกรหน่อย นี่งานแรกเลย
- การตัดสินใจอะไรใหญ่ๆ (ครั้งสำคัญ)
เท่าที่อ่านมาคุณจะเห็นนะคะ ว่าบางครั้งสถานการณ์บังคับได้ และคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องมีคือจุดยืน ที่แพรว่าเคยรับงานพลาดเช่นตอนนั้น เลิกกับแฟนใหม่ๆ รับงานนึงเป้นงงานนางแบบทรงผมแล้วตัดแนวสกินเฮดเลย อ่านไม่ผิด!!ย้อมหัวสีอะไรจัดจ้านมากฮ่าๆแต่แพรชอบนะ แต่นั่นเป็นเรื่องหลักที่ทำให้แฟนเก่าตอนนั้นหัวเสียมากที่เราตัดสินใจอะไรไม่คิด เพราะเงินเพียง4,500ที่ได้มาตอนนั้น แฟนเก่าบอกว่า คุณรับเงินก้อนนี้แต่เลือกที่จะตัดอนาคตตัวเองระยะยาวแค่นั้นหรอ? เออว่ะ..มีสติทันทีฮ่าๆ เพราะกว่าผมจะยาว เราพลาดงานเยอะเลย แต่ตอนนั้นจริงๆเหมือนขาลงของแพรนะ รู้ข่าวเรียนไม่จบ แคสงานอะไรในตอนนั้น10ๆงานไม่ได้ซักงาน ท้อนะ ท้อมาก เราไม่คิดว่าเบญจเพสมันทำเราหรอ? (ก็ไม่นะเพราะโดนเรื่องนี้ตอน24)เราทำตัวเองล้วนๆค่ะ แพรตัดสินใจทำงานพริตตี้ ถ่ายแบบเพราะอยากได้เงินมาทำงานเรียนต่อ ก็เพราะเราเลือกเอง เราไม่เลือกศัลยกรรมเพราะเราอยากเซฟความธรรมชาติไว้ มันก็ดีแต่ยุคนั้นเป็นยุคศัลย์แบบ ขาว หน้าวี นมใหญ่ แพรก็ไม่ได้งานสิ่เพราะไม่ใช่พิมพ์นิยม
แต่มันจะดีกว่ามั้ย? ถ้าจากนี้เราวางแผนตัวเองได้..
มันดีกว่าที่ชีวิตไม่ได้เลือกเลยถูกมั้ยคะ แพรยังเสียใจนะที่ถูกรีไทร์ แต่มันก็มีข้อดีและข้อเสีย แม้ผลมันจะเป็นสิ่งที่เรากระทำสะสม เหตุเพราะแพรโดดเรียนไปทำงานไงฮ่าๆ แต่เอาจริงๆเก็บแก้ครบนะ แค่คะแนนสะสมมันไม่ถึง เลยไม่ได้เรียนต่อ ตอนนั้นมีปัญหากับอาจารย์ที่ปรึกษาของทีสิสด้วย แต่ไม่นานนี้เพิ่งได้ปรับความเข้าใจและคุยกันแล้ว แต่มันมีสิ่งนึงที่อยากเล่าคือ ตอนนั้ อจ. พูดมาคำนึงว่า "เธอไม่เหมาะกับกราฟิกหรอก" ตอนนั้นนั่งส่งงานก็งงแล้วคำถามเยอะในหัวว่า เราก็ทำได้นิ? เราก็คิดงานได้? แต่พอเอาจริงๆตอนนี้มันกระจ่าง คำพูดนั้นอจ. ตั้งใจผลักให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แต่แพรเลือกที่จะยอมแพร ส่งผลในเรื่องเรียน
มันเสียใจที่คนข้างหลังเช่น พ่อ จะคิดยังไง ยอมรับได้มั้ย? แล้วแฟนเราล่ะ?เค้าจะโอเคมั้ย ทุกอย่างผิดคาด กลายเป็นพ่อที่ยังอยู่ แต่แฟนก็มาเลิกกัน2เดือนให้หลังที่รู้ข่าว แต่ดีใจที่โล่ง โล่งมากเรารู้สึกว่าเราไม่ถนัดจริงๆ เอาวะจะตั้งใจทำงานเต็มตัวละ งานอะไรก็มาเถอะแค่ไม่อยากให้พ่อลำบาก ก็ขอดูแลตัวเองให้ได้ก่อน
ถึงบอกว่าทุกการกระทำในวันนี้ ส่งผลต่อการตัดสินใจในอนาคตนะคะ
แม้Facebook จะมี On This Day ที่ย้อนอะไรเก่าๆมา แพรเชื่อว่าทุกคนได้อ่านแล้วรู้สึกตลกบ้าง รู้สึกดีใจ มีความสุข หรือคิดถึงบ้าง แต่เพราะเราแก้ไขอดีตไม่ได้ไง มันไม่ใช่Statusนะ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเลย แพรไม่อยากเสียดายเวลาเพราะเราไม่รู้จะอยู่อีกนานแค่ไหน คนข้างๆจะรอไหวมั้ยกับความสำเร็จ และเราไม่อยากเห็นอนาคตตัวเองจริงๆหรอ? แพรอยากให้คุณลองนึกเรื่องราวเหล่านั้นดูนะคะ แล้วเอามันมาเป็นแรงผลักดันซะ
- การวางแผนเป้าหมายชีวิต , Life Goal
เราทำงานมาซักระยะแล้วแค่กิน เที่ยว ปาร์ตี้มันใช่แล้วหรอวะ? การที่เจอความรักทั้งดีและไม่ดี ซ้อนคนมีแฟนบ้าง FWB บ้าง หรือคุยแล้วไม่ใช่ก็เท มันคือสีสันจริงๆหรอ? มันใช่ความต้องการของเราแล้วรึเปล่า? ตอนนั้นที่สนุกอะยังไม่คิดนะ เรื่องนี้เกิดหลังจากเลิกกับแฟนแล้ว และมีก่อนคบแฟนนิดๆมันเป็นสิ่งสะสมกันมาในหัว ในวันที่นอนอยู่เต็นท์ปฐมพยาบาลที่ต้องต่อคิวเข้าแถวยาวๆหลายชม.
ความคิดตอนนั้นแพรท้องเสียด้วย พักผ่อนน้อยเพราะทำงานไม่เป็นเวลา เลยยืนเข้าแถวในงานไม่ได้นานก็เป็นลมไป สิ่งที่เห็นคือ หมอและทีมงานมาถาม ชื่อ ถามส่วนตัว มากับใคร ยังไง เราแค่ตอบเบาๆว่าไม่มี.. ในเวลาไม่นานมากมีเตียงใกล้ๆกันหิ้วมาด้วยอาการเป็นลม และภาพที่จำได้คือ เค้ามากับญาติ มีครอบครัวเป็นห่วง นั่นสะเทือนใจนะ ว่ายังไงในชีวิตครอบครัวก็สำคัญแม้เราเกิดคนเดียว ตายก็คนเดียวเถอะแต่ในชีวิตองค์ประกอบมันมีเยอะ เริ่มน้ำตาคลอเล็กๆว่าเราเคยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานาน คิดคนเดียว ตัดสินใจคนเดียวมาตลอดตั้งแต่15 ที่พ่อแม่แยกไปแล้วต่างคนต่างมีใหม่ พ่อค่อยข้างใช้เวลากับคนใหม่หลายปี ปล่อยเราอยู่คนเดียวกับเงินเดือนแต่ละเดือนจนถึงตอนเข้ามหาลัย ทางเลือกตอนนั้นข้างบ้านทำนายเลยว่ามีผัว มีลูกแน่นอน แต่ไม่ใช่อะฮ่าๆแพรยังเลือกรักเรียน เอาตัวเองรอดจนได้ และความคิดตอนที่นอนดมยาดม กับกินยาฆ่าเชื้อนั้น ความคิดด้านบนเด้งมาทันที
และในหลายๆครั้ง แพรมานั่งทบทวน เห็นเพื่อนแต่งงาน เห็นหลายคนเลื่อนขั้น บางคนมีกิจการ บางคนไม่ทำอะไรแต่มีเงินเก็บ เลยทำให้แพรมองตัวเองว่า เราควรเริ่มต้นจากอะไร?
ก็อย่างแรกละแพรอยากมีร้านชา หรือคาเฟ่เล็กๆที่ดูแลเอง เป็นร้านพบปะที่คนมาดูดวง มานั่งพักผ่อนกัน(ในเมื่อ3ปีก่อนนะ) และเงินที่เรามีหลายได้บางส่วนส่งต่อสิ่งดีๆให้กับคนที่ด้อยโอกาส เช่น สมทบทุน การมีส่วนร่วมมูลนิธิโครงการต่างๆ แต่รู้สึกว่าสิ่งที่เราวางแผนนั้นไม่ยากแต่ระหว่างทางเจอปัญหาเรื่องเงินเก็บละ จนมาพังอีกทีคือ
(เข่าเสื่อม)
วอททททททท!!! กรรมอะไรอีกวะ ในปี2018ช่วงกลางปีด้วยท่านั่งของตัวเองที่ไม่ถนอมเข่า ทำให้เสียเงินรักษาและซื้อยาเรื่อยๆ ไอนี่ละตัวเปลี่ยนแปลงมากกว่าต่อคิวสนามหลวงอีก. เราจะอยู่ยังไงวะ ตัวป่วย เงินก็มีน้อยแถมไม่มีเงินเก็บ ประกันไม่มี งานโพสอะไรก็มีปัญหา เราจะอยู่เฉยๆไม่ได้ละ (นี่ก็คือจุดเปลี่ยนอีกแล้วถูกมั้ย?ฮ่าๆ) แพรเลยปรึกษาเพื่อนที่ทำการเงิน เค้าให้การบ้านเรามาว่า เราจะเก็บเงินแล้วเรามีความฝันยังไง// เอ่อออออ นั่นดิ่ เล่นเอาเอ๋อไปหลายวัน ก็เลยมานั่งแผนวางแผนชีวิตจริงๆ ร้านน่ะมันก็เป็นแผนชีวิตนะ แต่เราก็ต้องมองหารายได้อื่นๆ 3-5ปีจากนี้จริงๆแพรอยากมีบ้าน แพรอยากมีมานานแล้วอยากให้ครอบครัวสบาย และเรามีกิจการที่เราดูแลได้บางส่วน และเราได้ไปร่วมแจม มีงานสอน(อันนี้คิดไวซักพักแล้ว) จนมาคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันจะมีเวลาของมัน เราตั้งเป้าหมายระยะไกลอะได้นะ แต่เราต้องมาดูระหว่างทางที่เดินด้วย สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง แก้ไขได้บ้าง แก้ไม่ได้บ้าง และพักหลังนี้แพรเจอลูกค้าอายุน้อยกว่าแพรเยอะนะ เปิดธุรกิจส่วนตัว มีกิจการ ทำอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากจนนี่อิจฉาเลย ที่ได้แต่มองว่าตอนนั้นเรามีเวลา ทำไม่เราไม่ทำ มาค้นพบตัวเองเจอก็ตอน4ปีสุดท้ายก่อน30 เพิ่งมาวางแผนชีวิตในตอนอายุ27-28 ดังนั้นใครที่อ่านถึงตรงนี้ ทบทวนรึยังคะ
" ว่าคุณนั้นมีฝันอะไร , อยากใช้ชีวิตแบบไหน , อยากทำอะไรเพื่อคนข้างหลังบ้าง หรือเพื่อตัวเองก็ยังดีที่ไม่ใช่กินเที่ยวไปวันๆแบบไร้สาระอะ พอนึกออกมั้ย? "
คิดเล่นๆเราจะเหลือเวลาในชีวิตซักเท่าไหร่ ทำอะไรสำเร็จแล้วบ้าง มีความสุขกับมันมั้ย? และอย่าลืมว่าคนที่คุณต้องแข่งคือตัวเอง เพราะอายุเราเพิ่มทุกวัน ด้วยเวลา ศักยภาพการทำงาน ร่างกายเรามันโรยราทุกวัน เราต้องรอให้60แล้วค่อนทำงั้นรึ? จริงอยู่ที่มีหลายคนประสบความสำเร็จตอนแก่ แต่ถ้าพวกเค้าเลือกได้ก็อยาก ค้นหาตัวเองให้เจอ และมีเป้าหมายชีวิตกันทั้งนั้นล่ะ
และถ้าเป็นไปได้อย่ากำหนดเวลาที่เราทำไม่ได้
เช่น เราจะแบบ 3เดือนต้องเท่านี้ 6เดือนต้องGo inter ถ้ามันทำได้จริงๆก็ดี แต่คุณอย่าลืมสถานการณ์ที่บังคับไม่ได้ด้วย ฝนตก รถติด ท้อไปก่อน โอกาสอะไรบางอย่างก็ต้องรอจังหวะค่ะ ถ้ามันจะใช่เดี๋ยวก็มาเอง ขอแค่เราค่อยเป็นค่อยไป ทำเรื่อยๆ ไม่ขาด และมีการต่อยอดไปตลอด เพราะส่วนนึงการที่ตั้งเวลากลายเป็นการกดดันนะ แล้วคนที่เครียด ดาวน์ ก็คือคุณไงล่ะ
- การแก้ไข , การรับมือ
สิ่งแรกใน3หัวข้อบนทำให้แพรคิดได้ชัดเลยว่า พอเลยเราจะไม่ทำแบบเดิม อะไรผิดพลาดเราเรียนรู้ซะแล้วแก้ไข หากเรายังจบแบบเดิม เจอเรื่องเดิมๆนั่นแปลว่าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรกับมันเลย!
ความรัก
แพรพลาดเยอะค่ะ รักคนผิด โดนซ้อนคนอื่น กิ๊กไปเรื่อย แม้แต่ตัวเองเจ้าชู้ซะเองก็มี. สิ่งที่แพรเรียนรู้คือพอ ไม่อยากที่จะผิดต่อแฟนเราที่เราเคยนอกใจเค้า , ไม่อยากที่จะไปเป็นซ้อนคนอื่นอีกแล้วเพราะคัดคนด้วยความเหงา อยากมีรักที่ดีก็ต้องวางตัวให้ดี มันสำคัญนะ ตอนเด็กก็อ่อยนะพูดตรงๆ แต่สิ่งที่ได้มาเจอคนเจ้าชู้ไง เพราะหวังแต่เรื่องบนเตียง จบจากก็แค่นั้นส่วนคนที่ทุกข์คือเรา ที่ตัดสินใจไม่ดีเอง แพรรู้สึกเศร้านะถ้าเราแค่อยู่ด้วยกันเพียงเรื่องเดียวแล้วมันไม่มีอะไรพัฒนา ตั้งแต่26มาแพรใช้สติเยอะ เพราะเจออะไรเยอะ แต่ถือเป็นการเรียนรู้ค่ะที่เราจะไม่ทำซ้ำในวงจรเดิมอีก
การเงิน
มานึกถึงเงินเก็บตอนเราเจ็บป่วย พ่อเจ็บป่วยมายืมเราแต่เราไม่มีเงินให้ T^T ถ้าเราไม่เจอเรื่องบางอย่างมันคงไม่กระตุ้นให้คิดหรอกเอาจริงๆ บางคนก็เปย์เพื่อน เปย์หลักล้านแต่ไม่มีเพื่อนจริงๆ เสียคน หมดตัว ตัวอย่างมีเยอะนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเงินเก็บสำคัญ มันคือการต่อยอดในอนาคต และความมั่นคง และอย่าลืมว่าทุกอย่างมันผันผวนได้ ไม่ว่าจะบุคคลรอบข้าง สถานที่บางอย่างที่ตั้งใจแต่ไม่ได้ไป โอกาสบางอย่างที่ทำให้เราพลาดไป เลยเป็นบทเรียนที่เราควรวางแผนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ และมีเป้าหมายยังไงก็ควรจะมี
เพื่อน สังคม
เอาจริงๆ แพรคบคนที่ไลฟ์สไตล์และทัศนคตินะ เมื่อก่อนมีเยอะก็จริงแต่มันไปไม่ได้บ้าง อย่างมีบางคนที่เที่ยวด้วยกันบ่อย แต่สไตล์จะชอบชิลๆนั่งเพลินๆแต่เค้าเป็นสายเมาต้องสุดต้องอ้วก ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์หลายๆอย่างคือ เราต้องทำงาน ร่างกายไม่ไหว หรือบางทีมันไม่มีประโยชน์เลย แม้จะลองปรับแล้วแต่กลายเป็นรู้จุดคือเพื่อน .บางคนหัวการค้าเหมือนกันแต่ไปๆมาๆคิดต่างธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ บางคนสนิทตั้งแต่เด็กเจอโกงก็มี บางคนใช้ชีวิตหรูหราแต่ต้นทุนไม่เท่าเค้าจะทุรังไปคบเค้าก็เหนื่อยใจอีกบางคนไม่เคยรู้จักมาก่อนแต่เจอเรื่องราวบางอย่างเลยเข้าใจกันมากๆกว่าเพื่อนสนิทก็มี พอโตๆมาแล้วอะไม่นั่งจับดวงดูเรื่องเพื่อนนะ ดูการกระทำ และคำพูดก็พอ คัดคนที่มีคุณภาพเข้ามาในชีวิตบ้าง จงเลือกเพื่อนที่พาเราพัฒนาไปด้านที่ดี มีอะไรคล้ายๆกัน และช่วยเหลือยามเราลำบาก (อันนี้เห็นได้ชัดเจน) เพื่อน สังคมนั้นดูไม่ยาก แค่ใช้เวลา บางคนก็มาเพื่อหวังผลแล้วจากไป ก็อยู่ที่ว่าคุณจะมีข้อเสนอหรือใจให้เค้าเท่านั้นเอง
อนาคตตัวเอง
ไม่ว่าต่อยอดเรื่องงาน การเรียนต่อ การพัฒนาอะไรต่างๆมันจำเป็นนะ ทุกวันนี้สิ่งใหม่ๆเปิดโอกาสให้เรามากขึ้นแต่เราจะมองเห็นรึเปล่า มีอะไรบังเราอยู่? หรือเราเลือกที่จะปิดโอกาสตัวเอง แพรว่าตรงนี้มันกว้างไปนะแต่เชื่อว่าทุกคนจะมีทางเดินของตัวเองอยู่แน่นอน แค่จะลงมือทำแบบไหน การแต่งงานอาจจะไม่ใช่เรื่องตอบโจทย์ ชีวิตยังมีอะไรอีกเยอะให้เรียนรู้ แค่จดจำตัวเองในแต่ละปีก็ดี
สิ่งที่จะสะท้อนตัวเองได้คือ
-การจดบันทึก ทำบ่อยๆเพื่อรีเช็ค
-นั่งคิดทบทวนความสำเร็จ สิ่งที่พลาด สิ่งที่รอการแก้ไข
-รูปถ่าย ที่จะดูช่วงวัย ดูความสุขและการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน
แล้วคุณล่ะ มีวิธีแบบไหนกัน^^ ไว้มาเล่าให้ฟังด้วย
- และการที่จะเดินหน้าต่อจากนี้
มันก็ทั้งหมด4ข้อข้างบนเลยค่ะ แพรไม่รู้ว่าคุณอ่านมาถึงตอนนี้คุณเข้าใจว่ายังไงบ้าง คุณได้รับรู้ส่วนนึงของชีวิตแพรแล้วคุณเห็นอะไรบ้าง แพรอยากให้ทุกคนใช้เวลาวันนี้ให้มีค่านะ เพราะเราแก้ไขวินาทีที่แล้วไม่ได้แต่เราสามรถเปลี่ยนดวง เปลี่ยนทางเลือก สร้างเป้าหมายให้เรา ให้คนข้างหลัง อยากให้ลองหลับตานึกดีๆในวันที่คุณสงบแล้วทวนทวนว่ารอบข้างคุณยังเหลือใครอยู่ ที่เค้ารอให้คุณสำเร็จและอยากใช้เวลาแห่งความสุขกับคุณนะคะ ตัดอะไรที่ไม่สำคัญกับชีวิตออกไปบ้าง ช่างแม่งบ้าง ปล่อยวางบ้าง เชื่อเถอะเราจะสบายใจมากขึ้นจริงๆและไม่เสียเวลากับเราด้วย ^^
เอาจริงๆสิ่งที่เล่ามานี้ดวงแทบไม่มีผลเลย เพราะเราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการลงมือทำ และยิ่งชีวิตเราไฮสปีดแค่ไหน แต่ลึกๆแล้วพวกเราก็ถวิลหาการใช้ประสบการณ์ดีๆกับสิ่งรอบด้าน
อีกอย่างที่แนะนำเลยคือ รางวัลชีวิต
- ปิดจ๊อบงานนี้กินบุฟเฟ่ต์มั้ย
- เก็บเงินมานานแล้วไปทอดน่องเดินป่า Hiking ดีรึเปล่า
- หรือวันนี้เสร็จงานเร็วเอาหนังสือที่อ่านไม่จบไปนั่งชิลต่อที่ร้านกาแฟ สูดดมกลิ่นกรุ่นๆของกาแฟดีมั้ย?
ความสุขเล็กๆที่เราสะสมมันมาตรงนี้ วันนึงมันจะเป็นก้อนใหญ่ เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงแรงใจดีๆให้กับเราได้เลยนะ
ทบทวนให้ดีค่ะ ในเมื่อการให้คือสิ่งที่ดี เราต้องรู้จักรับด้วย มันเป็นการเติมพลัง เติมไฟให้กับตัวเองดีๆเลยแต่ก็อย่าบ่อยนะ เพราะเงินอาจไม่เหลือฮ่าๆ ยกเว้นถ้าคุณไหวในการหาเงินพอ หวังว่าโพสนี้คงได้อะไรไปบ้างนะคะ
ทำวันนี้ให้ดี เพื่อที่วันอื่นเราจะไม่เสียดาย :)
แพรตั้งไว้ว่า : ขอให้ได้ทำในสิ่งที่เรารัก , ให้เราได้ใช้เวลากับคนสำคัญรอบข้าง , ให้เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆในชีวิต , ส่งต่อสิ่งดีๆให้กับคนอื่น , และขอให้แพรเองมีความสุข
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
____________________________
แพร Madame Q Swords (แพรควีนดาบ)
- รับดูดวงส่วนตัวเน้นวางแผนชีวิตครอบคลุมทุกเรื่องทั้งงาน เงิน ความรัก สุขภาพ และไกด์ไลน์แนวทาง พร้อมกับพูดคุยตลอด 2 ชม. เต็มและไม่จำกัดคำถาม เพราะความสบายใจต้องมาก่อนค่ะ ทั้งแบบโทรคุยและนัดเจอนอกสถานที่ค่ะ
- รับดูดวงออก Event และงานภายในบริษัท หรือไลฟ์สด
- รับสอนอ่านไพ่ เรียนดูดวงไพ่ยิปซีสำหรับดูดวงให้ตัวเอง และเน้นไปทำเป็นอาชีพ
- รับเขียนคอนเทนต์สำหรับสินค้า , บริการ และโปรเจคที่น่าสนใจค่ะ มีโปรโมชั่นทดลอง 3 เดือนในราคาพิเศษค่ะ (สนใจทักเพจแล้วแจ้งว่า "สนใจรับโปรโมชั่นเขียนคอนเทนต์")
ติดต่องานที่เพจ
กดที่linkได้เลยค่ะ รับงานผ่านเพจเท่านั้นค่ะ
IG งานและส่วนตัว
____________________________.
.
Comments